ความกตัญญูต่อผู้เกื้อกูลชีวิตตน

พระอาจารย์ตะวัน

บทบรรยาย

พระอาจารย์ตะวัน

บทบรรยาย

พระอาจารย์ตะวัน

บทบรรยาย

พระอาจารย์ตะวัน

บทบรรยาย

พระอาจารย์ตะวัน
พระอาจารย์ตะวัน
พระอาจารย์ตะวัน
พระอาจารย์ตะวัน

ความกตัญญูนี่เป็นสิ่งที่เกื้อกูลปัญญา
ความกตัญญูกตเวทีแท้จริงแล้วคือ
สิ่งที่เกื้อกูลสติปัญญาขั้นละเอียด
กตัญญูต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อคนที่มีอุปการะต่อเรา

ถ้าคนที่ ไ ม่ มี ความกตัญญูกตเวที
เขาจะไม่มีทางรับรู้ถึงมุมที่มันต่างออกไปได้
จะเห็นแต่มุมของตัวเอง


เหมือนเด็กที่เติบโตที่ไม่เคยมีความกตัญญู
ก็จะมองเห็นแค่ตัวเองทุกข์..

แต่ถ้าเรามีมุมมองที่ต่างออกจากไป เราจะมองย้อนกลับมา
เราก็จะเห็นความจริงว่า คนที่เขาทุกข์หนักยิ่งกว่าเราก็มี
เห็นพ่อ เห็นแม่ ที่อยู่ด้วยความทุกข์ยาก ลำบาก
เกื้อกูลเลี้ยงดูกุลบุตรลูกหลานให้เติบโตขึ้นมา
กว่าจะผ่านแต่ละวัน.. .

เราเลี้ยงชีวิตตัวเองกว่าจะผ่านแต่ละวันยังยากเย็นขนาดนี้
ทำไมบิดามารดาถึงอดทนเลี้ยงดูลูกหลานให้เติบโตขึ้นมาได้
จนเป็นคนๆนึงจนเติบโตขึ้นมา กว่าจะผ่านอายุ 20 ปี
เหมือนมันจะโตนะ อันนี้มันอายุ 30 ปีแล้ว มันยังไม่โตเลย
ลูกก็มองด้านเดียว ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้
ก็คือมองแต่ว่า..
เหมือนลูกนกที่รอการสงเคราะห์อย่างเดียว
ให้พ่อแม่ไปหาหนอนมาให้กิน

ในฐานะที่ท่านเป็นพ่อเป็นแม่เรา ถ้าเราเป็นท่าน
เราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เพราะคนเรามันเจอเหตุการณ์กันคนละแบบ
ท่านผ่านความทุกข์ยากมาในแบบของท่าน
เราไม่มีทางเข้าใจท่านได้แบบ 100%
แต่ให้ยกไว้ว่าของใครของมัน

แต่ถ้าเราคิดไม่ดี มันก็เป็นสิ่งที่เราควรจัดการตัวเอง
ว่าทำไมเราถึงคิดไม่ดี เราต้องเห็นคุณของท่านให้ได้
น้ำใจของแม่ที่มีต่อลูก อย่างน้อย..
ท่านก็เลี้ยงดูลูกจนเติบโตมาขนาดนี้


ถ้าเราเป็นท่านเราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เราอาจจะบ้าบอคอแตกยิ่งกว่านี้

แต่เมื่อไหร่ที่ลูกนกบินเองเป็น มันก็เติบโตเองของมัน
ความกตัญญูเนี่ยคือ รู้จักสิ่งที่เกื้อกูล..
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงนะ
เป็นคนที่มีจิตสำนึกเท่านั้น ถึงจะเข้าถึงความกตัญญู
บางทีความกตัญญูที่เรามี มันเป็นเพียงแค่การกล่าวอ้าง
อ้างไปเอง พูดไปเองของเราคือ เชื่อไปเองเฉยๆนั่นแหละ

เหมือนประสบการณ์ตรงของเรา
เราก็ว่าเรามีความกตัญญูกตเวทีนะ
อย่างเมื่อก่อนนี้ แต่เวลาที่เรามีทรัพย์นู้นน
เพื่อนอยู่ไหน คนรักอยู่ไหน สถานที่ที่เราชอบอยู่ไหน
เราไม่เคยเห็นสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์
ร่างกายของเราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมา
แต่เราก็เอาเงินมาทำลายตัวเองซ้ำสองอีก
มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

แล้วก็บอกว่านี่คือความกตัญญูว่างั้น
เราเป็นคนดี ไม่งั้นเรามาถึงนี่ไม่ได้หรอก

แต่มันกำลังทำในสิ่งที่ไม่เกื้อกูลประโยชน์
ต่อชีวิตของตัวเองเลย เรียกว่าผู้ไม่ฉลาด
ถ้าคนที่ไม่มีความกตัญญูจะไม่มีความฉลาด
เมื่อไม่ฉลาดก็จะมองมุมบอด ว่างั้นเถอะ
เห็นอะไรแบบแคบๆ คิดแบบแคบๆ เห็นด้านเดียว..

“ความกตัญญูจะเกื้อกูลธรรมทุกฝั่งเลย”
จิตสำนึกของความกตัญญูเนี่ย
จะเกื้อกูลความรับผิดชอบด้วย
เกื้อกูลทานด้วย จนเกื้อกูสติปัญญาด้วย
ถ้าไม่มีความกตัญญูก็บอดเลย ไม่มีอะไรงอกงามได้
ศีลก็ไม่มี ความรับผิดชอบก็ไม่มี


จิตสำนึกของความกตัญญูนี่แหละคือ
จุดศูนย์รวมของธรรมทั้งปวง

“รู้จักว่าชีวิตตัวเองมีค่านั้นแหละ”ความกตัญญู
เริ่มต้นจากตัวเองนี่แหละ ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ไม่ทำให้บิดามารดาเดือดร้อน
มาสำรวจดูมุมมองที่พ่อกับแม่มองเรา
เมื่อเรารู้จักคุณค่าของชีวิตตัวเองแล้วนั่นแหละ
เราจะเห็นคุณค่าของอาหาร
เห็นคุณค่าของเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย
แล้วจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์ต่อชีวิตตัวเอง
มันถึงขยายเป็นกำลังของความอดทนเป็นสติขึ้นมา
เป็นความเสียสละ จนรองรับกับปัญญาได้
คือเริ่มที่ตนเองนั่นเอง

อะไรที่เกื้อกูลชีวิตเรา ลมหายใจก็มีคุณต่อเรา
ทำให้เรายังดำเนินชีวิตอยู่ได้ ลมหายใจนี้มีคุณค่าต่อเรา

เราอยู่ไปยังไง..เราอยู่ไปโดยไร้ค่า
หายใจแบบเราไม่ได้เกิดคุณค่า
เกิดประโยชน์อะไร หายใจทิ้งเฉยๆท่านเรียก

คนที่มีจิตสำนึกของความกตัญญู เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ในวันๆนึงจะให้มันเกิดคุณประโยชน์ขึ้นมา ทำยังไงให้มันจะเกิดคุณ อย่างน้อยเราจะไม่เบียดเบียนใคร
ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนบิดามารดา
ไม่เบียดเบียนสังคม จะเป็นคนที่มีศีลขึ้นมา
มีความเสียสละ มันก็ค่อยๆแน่นขึ้น

จากคนที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเอง
ก็จะเริ่มรักษากาย รักษาตัวเองมากขึ้น
รับผิดชอบมากขึ้น ระวังมากขึ้น
มันก็จะเสริมกำลังตัวเองชัดขึ้น
มีความเสียสละก็ทำอะไรได้มากขึ้น

เมื่อก่อนทำให้แค่ตัวเอง ทำให้ตัวเองก็หนักพอแรงแล้ว
จะเกื้อกูลเฉพาะตัวเองก็พอแรงแล้ว
แต่เมื่อเราเสียสละทำให้คนอื่น
คนที่จะทำให้คนอื่นได้ต้องเป็นคนที่มีความเสียสละจริงๆ
ถ้าเราไม่มีความเสียสละ เราทำให้ใครไม่ได้หรอก

ที่ว่าทำให้ตัวเองก็อยู่แค่ตาย..ที่พูดให้ฟัง
“ทำเพื่อตัวเองอยู่เพียงสิ้นลม คืออยู่แค่ตาย”

คนที่สามารถเกื้อกูลประโยชน์ต่อคนอื่นได้
คนนั้นมีความเสียสละมาก
แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยนะ
เสียสละต่อผู้อื่นแต่ตัวเองก็ทุกข์ เดือดร้อนอยู่ ก็ยังโง่อยู่

ถ้าเกื้อกูลประโยชน์ต่อสังคมหมู่ใหญ่ได้ ก็ยิ่งมีคุณมาก
คนที่มีคุณมากก็ไม่ควรประมาทท่านเหล่านั้น
คนที่สามารถทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เป็นผู้มีคุณ


ขนาดช้าง ขนาดม้า ขนาดโค
เราไปฆ่าสัตว์ที่มีคุณ ก็บาปหนักกว่าทั่วไป
โดยเฉพาะคนที่มีคุณต่อชีวิตเรา มีใครบ้าง
มีบิดามารดา มีครูบาอาจารย์ ไม่ควรประมาทนะคุณ
“ คุ ณ ข อ ง ค น ”

“ความกตัญญูจะทำให้เราเห็นคุณค่า
ของความเป็นคนของตน”


เรียนรู้ให้เห็นความจริงนั่นเอง

#พระอาจารย์ตะวัน #พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

หรือ รับฟังที่ Spotify
https://open.spotify.com/episode/1BpJFhxQM4gUvGtVVN4Qhg

ความกตัญญูนี่เป็นสิ่งที่เกื้อกูลปัญญา
ความกตัญญูกตเวทีแท้จริงแล้วคือ
สิ่งที่เกื้อกูลสติปัญญาขั้นละเอียด
กตัญญูต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อคนที่มีอุปการะต่อเรา

ถ้าคนที่ ไ ม่ มี ความกตัญญูกตเวที
เขาจะไม่มีทางรับรู้ถึงมุมที่มันต่างออกไปได้
จะเห็นแต่มุมของตัวเอง


เหมือนเด็กที่เติบโตที่ไม่เคยมีความกตัญญู
ก็จะมองเห็นแค่ตัวเองทุกข์..

แต่ถ้าเรามีมุมมองที่ต่างออกจากไป เราจะมองย้อนกลับมา
เราก็จะเห็นความจริงว่า คนที่เขาทุกข์หนักยิ่งกว่าเราก็มี
เห็นพ่อ เห็นแม่ ที่อยู่ด้วยความทุกข์ยาก ลำบาก
เกื้อกูลเลี้ยงดูกุลบุตรลูกหลานให้เติบโตขึ้นมา
กว่าจะผ่านแต่ละวัน.. .

เราเลี้ยงชีวิตตัวเองกว่าจะผ่านแต่ละวันยังยากเย็นขนาดนี้
ทำไมบิดามารดาถึงอดทนเลี้ยงดูลูกหลานให้เติบโตขึ้นมาได้
จนเป็นคนๆนึงจนเติบโตขึ้นมา กว่าจะผ่านอายุ 20 ปี
เหมือนมันจะโตนะ อันนี้มันอายุ 30 ปีแล้ว มันยังไม่โตเลย
ลูกก็มองด้านเดียว ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้
ก็คือมองแต่ว่า..
เหมือนลูกนกที่รอการสงเคราะห์อย่างเดียว
ให้พ่อแม่ไปหาหนอนมาให้กิน

ในฐานะที่ท่านเป็นพ่อเป็นแม่เรา ถ้าเราเป็นท่าน
เราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เพราะคนเรามันเจอเหตุการณ์กันคนละแบบ
ท่านผ่านความทุกข์ยากมาในแบบของท่าน
เราไม่มีทางเข้าใจท่านได้แบบ 100%
แต่ให้ยกไว้ว่าของใครของมัน

แต่ถ้าเราคิดไม่ดี มันก็เป็นสิ่งที่เราควรจัดการตัวเอง
ว่าทำไมเราถึงคิดไม่ดี เราต้องเห็นคุณของท่านให้ได้
น้ำใจของแม่ที่มีต่อลูก อย่างน้อย..
ท่านก็เลี้ยงดูลูกจนเติบโตมาขนาดนี้


ถ้าเราเป็นท่านเราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เราอาจจะบ้าบอคอแตกยิ่งกว่านี้

แต่เมื่อไหร่ที่ลูกนกบินเองเป็น มันก็เติบโตเองของมัน
ความกตัญญูเนี่ยคือ รู้จักสิ่งที่เกื้อกูล..
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงนะ
เป็นคนที่มีจิตสำนึกเท่านั้น ถึงจะเข้าถึงความกตัญญู
บางทีความกตัญญูที่เรามี มันเป็นเพียงแค่การกล่าวอ้าง
อ้างไปเอง พูดไปเองของเราคือ เชื่อไปเองเฉยๆนั่นแหละ

เหมือนประสบการณ์ตรงของเรา
เราก็ว่าเรามีความกตัญญูกตเวทีนะ
อย่างเมื่อก่อนนี้ แต่เวลาที่เรามีทรัพย์นู้นน
เพื่อนอยู่ไหน คนรักอยู่ไหน สถานที่ที่เราชอบอยู่ไหน
เราไม่เคยเห็นสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์
ร่างกายของเราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมา
แต่เราก็เอาเงินมาทำลายตัวเองซ้ำสองอีก
มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

แล้วก็บอกว่านี่คือความกตัญญูว่างั้น
เราเป็นคนดี ไม่งั้นเรามาถึงนี่ไม่ได้หรอก

แต่มันกำลังทำในสิ่งที่ไม่เกื้อกูลประโยชน์
ต่อชีวิตของตัวเองเลย เรียกว่าผู้ไม่ฉลาด
ถ้าคนที่ไม่มีความกตัญญูจะไม่มีความฉลาด
เมื่อไม่ฉลาดก็จะมองมุมบอด ว่างั้นเถอะ
เห็นอะไรแบบแคบๆ คิดแบบแคบๆ เห็นด้านเดียว..

“ความกตัญญูจะเกื้อกูลธรรมทุกฝั่งเลย”
จิตสำนึกของความกตัญญูเนี่ย
จะเกื้อกูลความรับผิดชอบด้วย
เกื้อกูลทานด้วย จนเกื้อกูสติปัญญาด้วย
ถ้าไม่มีความกตัญญูก็บอดเลย ไม่มีอะไรงอกงามได้
ศีลก็ไม่มี ความรับผิดชอบก็ไม่มี


จิตสำนึกของความกตัญญูนี่แหละคือ
จุดศูนย์รวมของธรรมทั้งปวง

“รู้จักว่าชีวิตตัวเองมีค่านั้นแหละ”ความกตัญญู
เริ่มต้นจากตัวเองนี่แหละ ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ไม่ทำให้บิดามารดาเดือดร้อน
มาสำรวจดูมุมมองที่พ่อกับแม่มองเรา
เมื่อเรารู้จักคุณค่าของชีวิตตัวเองแล้วนั่นแหละ
เราจะเห็นคุณค่าของอาหาร
เห็นคุณค่าของเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย
แล้วจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์ต่อชีวิตตัวเอง
มันถึงขยายเป็นกำลังของความอดทนเป็นสติขึ้นมา
เป็นความเสียสละ จนรองรับกับปัญญาได้
คือเริ่มที่ตนเองนั่นเอง

อะไรที่เกื้อกูลชีวิตเรา ลมหายใจก็มีคุณต่อเรา
ทำให้เรายังดำเนินชีวิตอยู่ได้ ลมหายใจนี้มีคุณค่าต่อเรา

เราอยู่ไปยังไง..เราอยู่ไปโดยไร้ค่า
หายใจแบบเราไม่ได้เกิดคุณค่า
เกิดประโยชน์อะไร หายใจทิ้งเฉยๆท่านเรียก

คนที่มีจิตสำนึกของความกตัญญู เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ในวันๆนึงจะให้มันเกิดคุณประโยชน์ขึ้นมา ทำยังไงให้มันจะเกิดคุณ อย่างน้อยเราจะไม่เบียดเบียนใคร
ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนบิดามารดา
ไม่เบียดเบียนสังคม จะเป็นคนที่มีศีลขึ้นมา
มีความเสียสละ มันก็ค่อยๆแน่นขึ้น

จากคนที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเอง
ก็จะเริ่มรักษากาย รักษาตัวเองมากขึ้น
รับผิดชอบมากขึ้น ระวังมากขึ้น
มันก็จะเสริมกำลังตัวเองชัดขึ้น
มีความเสียสละก็ทำอะไรได้มากขึ้น

เมื่อก่อนทำให้แค่ตัวเอง ทำให้ตัวเองก็หนักพอแรงแล้ว
จะเกื้อกูลเฉพาะตัวเองก็พอแรงแล้ว
แต่เมื่อเราเสียสละทำให้คนอื่น
คนที่จะทำให้คนอื่นได้ต้องเป็นคนที่มีความเสียสละจริงๆ
ถ้าเราไม่มีความเสียสละ เราทำให้ใครไม่ได้หรอก

ที่ว่าทำให้ตัวเองก็อยู่แค่ตาย..ที่พูดให้ฟัง
“ทำเพื่อตัวเองอยู่เพียงสิ้นลม คืออยู่แค่ตาย”

คนที่สามารถเกื้อกูลประโยชน์ต่อคนอื่นได้
คนนั้นมีความเสียสละมาก
แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยนะ
เสียสละต่อผู้อื่นแต่ตัวเองก็ทุกข์ เดือดร้อนอยู่ ก็ยังโง่อยู่

ถ้าเกื้อกูลประโยชน์ต่อสังคมหมู่ใหญ่ได้ ก็ยิ่งมีคุณมาก
คนที่มีคุณมากก็ไม่ควรประมาทท่านเหล่านั้น
คนที่สามารถทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เป็นผู้มีคุณ


ขนาดช้าง ขนาดม้า ขนาดโค
เราไปฆ่าสัตว์ที่มีคุณ ก็บาปหนักกว่าทั่วไป
โดยเฉพาะคนที่มีคุณต่อชีวิตเรา มีใครบ้าง
มีบิดามารดา มีครูบาอาจารย์ ไม่ควรประมาทนะคุณ
“ คุ ณ ข อ ง ค น ”

“ความกตัญญูจะทำให้เราเห็นคุณค่า
ของความเป็นคนของตน”


เรียนรู้ให้เห็นความจริงนั่นเอง

#พระอาจารย์ตะวัน #พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

หรือ รับฟังที่ Spotify
https://open.spotify.com/episode/1BpJFhxQM4gUvGtVVN4Qhg

ความกตัญญูนี่เป็นสิ่งที่เกื้อกูลปัญญา
ความกตัญญูกตเวทีแท้จริงแล้วคือ
สิ่งที่เกื้อกูลสติปัญญาขั้นละเอียด
กตัญญูต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อคนที่มีอุปการะต่อเรา

ถ้าคนที่ ไ ม่ มี ความกตัญญูกตเวที
เขาจะไม่มีทางรับรู้ถึงมุมที่มันต่างออกไปได้
จะเห็นแต่มุมของตัวเอง


เหมือนเด็กที่เติบโตที่ไม่เคยมีความกตัญญู
ก็จะมองเห็นแค่ตัวเองทุกข์..

แต่ถ้าเรามีมุมมองที่ต่างออกจากไป เราจะมองย้อนกลับมา
เราก็จะเห็นความจริงว่า คนที่เขาทุกข์หนักยิ่งกว่าเราก็มี
เห็นพ่อ เห็นแม่ ที่อยู่ด้วยความทุกข์ยาก ลำบาก
เกื้อกูลเลี้ยงดูกุลบุตรลูกหลานให้เติบโตขึ้นมา
กว่าจะผ่านแต่ละวัน.. .

เราเลี้ยงชีวิตตัวเองกว่าจะผ่านแต่ละวันยังยากเย็นขนาดนี้
ทำไมบิดามารดาถึงอดทนเลี้ยงดูลูกหลานให้เติบโตขึ้นมาได้
จนเป็นคนๆนึงจนเติบโตขึ้นมา กว่าจะผ่านอายุ 20 ปี
เหมือนมันจะโตนะ อันนี้มันอายุ 30 ปีแล้ว มันยังไม่โตเลย
ลูกก็มองด้านเดียว ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้
ก็คือมองแต่ว่า..
เหมือนลูกนกที่รอการสงเคราะห์อย่างเดียว
ให้พ่อแม่ไปหาหนอนมาให้กิน

ในฐานะที่ท่านเป็นพ่อเป็นแม่เรา ถ้าเราเป็นท่าน
เราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เพราะคนเรามันเจอเหตุการณ์กันคนละแบบ
ท่านผ่านความทุกข์ยากมาในแบบของท่าน
เราไม่มีทางเข้าใจท่านได้แบบ 100%
แต่ให้ยกไว้ว่าของใครของมัน

แต่ถ้าเราคิดไม่ดี มันก็เป็นสิ่งที่เราควรจัดการตัวเอง
ว่าทำไมเราถึงคิดไม่ดี เราต้องเห็นคุณของท่านให้ได้
น้ำใจของแม่ที่มีต่อลูก อย่างน้อย..
ท่านก็เลี้ยงดูลูกจนเติบโตมาขนาดนี้


ถ้าเราเป็นท่านเราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เราอาจจะบ้าบอคอแตกยิ่งกว่านี้

แต่เมื่อไหร่ที่ลูกนกบินเองเป็น มันก็เติบโตเองของมัน
ความกตัญญูเนี่ยคือ รู้จักสิ่งที่เกื้อกูล..
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงนะ
เป็นคนที่มีจิตสำนึกเท่านั้น ถึงจะเข้าถึงความกตัญญู
บางทีความกตัญญูที่เรามี มันเป็นเพียงแค่การกล่าวอ้าง
อ้างไปเอง พูดไปเองของเราคือ เชื่อไปเองเฉยๆนั่นแหละ

เหมือนประสบการณ์ตรงของเรา
เราก็ว่าเรามีความกตัญญูกตเวทีนะ
อย่างเมื่อก่อนนี้ แต่เวลาที่เรามีทรัพย์นู้นน
เพื่อนอยู่ไหน คนรักอยู่ไหน สถานที่ที่เราชอบอยู่ไหน
เราไม่เคยเห็นสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์
ร่างกายของเราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมา
แต่เราก็เอาเงินมาทำลายตัวเองซ้ำสองอีก
มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

แล้วก็บอกว่านี่คือความกตัญญูว่างั้น
เราเป็นคนดี ไม่งั้นเรามาถึงนี่ไม่ได้หรอก

แต่มันกำลังทำในสิ่งที่ไม่เกื้อกูลประโยชน์
ต่อชีวิตของตัวเองเลย เรียกว่าผู้ไม่ฉลาด
ถ้าคนที่ไม่มีความกตัญญูจะไม่มีความฉลาด
เมื่อไม่ฉลาดก็จะมองมุมบอด ว่างั้นเถอะ
เห็นอะไรแบบแคบๆ คิดแบบแคบๆ เห็นด้านเดียว..

“ความกตัญญูจะเกื้อกูลธรรมทุกฝั่งเลย”
จิตสำนึกของความกตัญญูเนี่ย
จะเกื้อกูลความรับผิดชอบด้วย
เกื้อกูลทานด้วย จนเกื้อกูสติปัญญาด้วย
ถ้าไม่มีความกตัญญูก็บอดเลย ไม่มีอะไรงอกงามได้
ศีลก็ไม่มี ความรับผิดชอบก็ไม่มี


จิตสำนึกของความกตัญญูนี่แหละคือ
จุดศูนย์รวมของธรรมทั้งปวง

“รู้จักว่าชีวิตตัวเองมีค่านั้นแหละ”ความกตัญญู
เริ่มต้นจากตัวเองนี่แหละ ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ไม่ทำให้บิดามารดาเดือดร้อน
มาสำรวจดูมุมมองที่พ่อกับแม่มองเรา
เมื่อเรารู้จักคุณค่าของชีวิตตัวเองแล้วนั่นแหละ
เราจะเห็นคุณค่าของอาหาร
เห็นคุณค่าของเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย
แล้วจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์ต่อชีวิตตัวเอง
มันถึงขยายเป็นกำลังของความอดทนเป็นสติขึ้นมา
เป็นความเสียสละ จนรองรับกับปัญญาได้
คือเริ่มที่ตนเองนั่นเอง

อะไรที่เกื้อกูลชีวิตเรา ลมหายใจก็มีคุณต่อเรา
ทำให้เรายังดำเนินชีวิตอยู่ได้ ลมหายใจนี้มีคุณค่าต่อเรา

เราอยู่ไปยังไง..เราอยู่ไปโดยไร้ค่า
หายใจแบบเราไม่ได้เกิดคุณค่า
เกิดประโยชน์อะไร หายใจทิ้งเฉยๆท่านเรียก

คนที่มีจิตสำนึกของความกตัญญู เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ในวันๆนึงจะให้มันเกิดคุณประโยชน์ขึ้นมา ทำยังไงให้มันจะเกิดคุณ อย่างน้อยเราจะไม่เบียดเบียนใคร
ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนบิดามารดา
ไม่เบียดเบียนสังคม จะเป็นคนที่มีศีลขึ้นมา
มีความเสียสละ มันก็ค่อยๆแน่นขึ้น

จากคนที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเอง
ก็จะเริ่มรักษากาย รักษาตัวเองมากขึ้น
รับผิดชอบมากขึ้น ระวังมากขึ้น
มันก็จะเสริมกำลังตัวเองชัดขึ้น
มีความเสียสละก็ทำอะไรได้มากขึ้น

เมื่อก่อนทำให้แค่ตัวเอง ทำให้ตัวเองก็หนักพอแรงแล้ว
จะเกื้อกูลเฉพาะตัวเองก็พอแรงแล้ว
แต่เมื่อเราเสียสละทำให้คนอื่น
คนที่จะทำให้คนอื่นได้ต้องเป็นคนที่มีความเสียสละจริงๆ
ถ้าเราไม่มีความเสียสละ เราทำให้ใครไม่ได้หรอก

ที่ว่าทำให้ตัวเองก็อยู่แค่ตาย..ที่พูดให้ฟัง
“ทำเพื่อตัวเองอยู่เพียงสิ้นลม คืออยู่แค่ตาย”

คนที่สามารถเกื้อกูลประโยชน์ต่อคนอื่นได้
คนนั้นมีความเสียสละมาก
แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยนะ
เสียสละต่อผู้อื่นแต่ตัวเองก็ทุกข์ เดือดร้อนอยู่ ก็ยังโง่อยู่

ถ้าเกื้อกูลประโยชน์ต่อสังคมหมู่ใหญ่ได้ ก็ยิ่งมีคุณมาก
คนที่มีคุณมากก็ไม่ควรประมาทท่านเหล่านั้น
คนที่สามารถทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เป็นผู้มีคุณ


ขนาดช้าง ขนาดม้า ขนาดโค
เราไปฆ่าสัตว์ที่มีคุณ ก็บาปหนักกว่าทั่วไป
โดยเฉพาะคนที่มีคุณต่อชีวิตเรา มีใครบ้าง
มีบิดามารดา มีครูบาอาจารย์ ไม่ควรประมาทนะคุณ
“ คุ ณ ข อ ง ค น ”

“ความกตัญญูจะทำให้เราเห็นคุณค่า
ของความเป็นคนของตน”


เรียนรู้ให้เห็นความจริงนั่นเอง

#พระอาจารย์ตะวัน #พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

หรือ รับฟังที่ Spotify
https://open.spotify.com/episode/1BpJFhxQM4gUvGtVVN4Qhg

ความกตัญญูนี่เป็นสิ่งที่เกื้อกูลปัญญา
ความกตัญญูกตเวทีแท้จริงแล้วคือ
สิ่งที่เกื้อกูลสติปัญญาขั้นละเอียด
กตัญญูต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อคนที่มีอุปการะต่อเรา

ถ้าคนที่ ไ ม่ มี ความกตัญญูกตเวที
เขาจะไม่มีทางรับรู้ถึงมุมที่มันต่างออกไปได้
จะเห็นแต่มุมของตัวเอง


เหมือนเด็กที่เติบโตที่ไม่เคยมีความกตัญญู
ก็จะมองเห็นแค่ตัวเองทุกข์..

แต่ถ้าเรามีมุมมองที่ต่างออกจากไป เราจะมองย้อนกลับมา
เราก็จะเห็นความจริงว่า คนที่เขาทุกข์หนักยิ่งกว่าเราก็มี
เห็นพ่อ เห็นแม่ ที่อยู่ด้วยความทุกข์ยาก ลำบาก
เกื้อกูลเลี้ยงดูกุลบุตรลูกหลานให้เติบโตขึ้นมา
กว่าจะผ่านแต่ละวัน.. .

เราเลี้ยงชีวิตตัวเองกว่าจะผ่านแต่ละวันยังยากเย็นขนาดนี้
ทำไมบิดามารดาถึงอดทนเลี้ยงดูลูกหลานให้เติบโตขึ้นมาได้
จนเป็นคนๆนึงจนเติบโตขึ้นมา กว่าจะผ่านอายุ 20 ปี
เหมือนมันจะโตนะ อันนี้มันอายุ 30 ปีแล้ว มันยังไม่โตเลย
ลูกก็มองด้านเดียว ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้
ก็คือมองแต่ว่า..
เหมือนลูกนกที่รอการสงเคราะห์อย่างเดียว
ให้พ่อแม่ไปหาหนอนมาให้กิน

ในฐานะที่ท่านเป็นพ่อเป็นแม่เรา ถ้าเราเป็นท่าน
เราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เพราะคนเรามันเจอเหตุการณ์กันคนละแบบ
ท่านผ่านความทุกข์ยากมาในแบบของท่าน
เราไม่มีทางเข้าใจท่านได้แบบ 100%
แต่ให้ยกไว้ว่าของใครของมัน

แต่ถ้าเราคิดไม่ดี มันก็เป็นสิ่งที่เราควรจัดการตัวเอง
ว่าทำไมเราถึงคิดไม่ดี เราต้องเห็นคุณของท่านให้ได้
น้ำใจของแม่ที่มีต่อลูก อย่างน้อย..
ท่านก็เลี้ยงดูลูกจนเติบโตมาขนาดนี้


ถ้าเราเป็นท่านเราอาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนท่านก็ได้
เราอาจจะบ้าบอคอแตกยิ่งกว่านี้

แต่เมื่อไหร่ที่ลูกนกบินเองเป็น มันก็เติบโตเองของมัน
ความกตัญญูเนี่ยคือ รู้จักสิ่งที่เกื้อกูล..
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงนะ
เป็นคนที่มีจิตสำนึกเท่านั้น ถึงจะเข้าถึงความกตัญญู
บางทีความกตัญญูที่เรามี มันเป็นเพียงแค่การกล่าวอ้าง
อ้างไปเอง พูดไปเองของเราคือ เชื่อไปเองเฉยๆนั่นแหละ

เหมือนประสบการณ์ตรงของเรา
เราก็ว่าเรามีความกตัญญูกตเวทีนะ
อย่างเมื่อก่อนนี้ แต่เวลาที่เรามีทรัพย์นู้นน
เพื่อนอยู่ไหน คนรักอยู่ไหน สถานที่ที่เราชอบอยู่ไหน
เราไม่เคยเห็นสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์
ร่างกายของเราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมา
แต่เราก็เอาเงินมาทำลายตัวเองซ้ำสองอีก
มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

แล้วก็บอกว่านี่คือความกตัญญูว่างั้น
เราเป็นคนดี ไม่งั้นเรามาถึงนี่ไม่ได้หรอก

แต่มันกำลังทำในสิ่งที่ไม่เกื้อกูลประโยชน์
ต่อชีวิตของตัวเองเลย เรียกว่าผู้ไม่ฉลาด
ถ้าคนที่ไม่มีความกตัญญูจะไม่มีความฉลาด
เมื่อไม่ฉลาดก็จะมองมุมบอด ว่างั้นเถอะ
เห็นอะไรแบบแคบๆ คิดแบบแคบๆ เห็นด้านเดียว..

“ความกตัญญูจะเกื้อกูลธรรมทุกฝั่งเลย”
จิตสำนึกของความกตัญญูเนี่ย
จะเกื้อกูลความรับผิดชอบด้วย
เกื้อกูลทานด้วย จนเกื้อกูสติปัญญาด้วย
ถ้าไม่มีความกตัญญูก็บอดเลย ไม่มีอะไรงอกงามได้
ศีลก็ไม่มี ความรับผิดชอบก็ไม่มี


จิตสำนึกของความกตัญญูนี่แหละคือ
จุดศูนย์รวมของธรรมทั้งปวง

“รู้จักว่าชีวิตตัวเองมีค่านั้นแหละ”ความกตัญญู
เริ่มต้นจากตัวเองนี่แหละ ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ไม่ทำให้บิดามารดาเดือดร้อน
มาสำรวจดูมุมมองที่พ่อกับแม่มองเรา
เมื่อเรารู้จักคุณค่าของชีวิตตัวเองแล้วนั่นแหละ
เราจะเห็นคุณค่าของอาหาร
เห็นคุณค่าของเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย
แล้วจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เกื้อกูลประโยชน์ต่อชีวิตตัวเอง
มันถึงขยายเป็นกำลังของความอดทนเป็นสติขึ้นมา
เป็นความเสียสละ จนรองรับกับปัญญาได้
คือเริ่มที่ตนเองนั่นเอง

อะไรที่เกื้อกูลชีวิตเรา ลมหายใจก็มีคุณต่อเรา
ทำให้เรายังดำเนินชีวิตอยู่ได้ ลมหายใจนี้มีคุณค่าต่อเรา

เราอยู่ไปยังไง..เราอยู่ไปโดยไร้ค่า
หายใจแบบเราไม่ได้เกิดคุณค่า
เกิดประโยชน์อะไร หายใจทิ้งเฉยๆท่านเรียก

คนที่มีจิตสำนึกของความกตัญญู เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว
ชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ในวันๆนึงจะให้มันเกิดคุณประโยชน์ขึ้นมา ทำยังไงให้มันจะเกิดคุณ อย่างน้อยเราจะไม่เบียดเบียนใคร
ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนบิดามารดา
ไม่เบียดเบียนสังคม จะเป็นคนที่มีศีลขึ้นมา
มีความเสียสละ มันก็ค่อยๆแน่นขึ้น

จากคนที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเอง
ก็จะเริ่มรักษากาย รักษาตัวเองมากขึ้น
รับผิดชอบมากขึ้น ระวังมากขึ้น
มันก็จะเสริมกำลังตัวเองชัดขึ้น
มีความเสียสละก็ทำอะไรได้มากขึ้น

เมื่อก่อนทำให้แค่ตัวเอง ทำให้ตัวเองก็หนักพอแรงแล้ว
จะเกื้อกูลเฉพาะตัวเองก็พอแรงแล้ว
แต่เมื่อเราเสียสละทำให้คนอื่น
คนที่จะทำให้คนอื่นได้ต้องเป็นคนที่มีความเสียสละจริงๆ
ถ้าเราไม่มีความเสียสละ เราทำให้ใครไม่ได้หรอก

ที่ว่าทำให้ตัวเองก็อยู่แค่ตาย..ที่พูดให้ฟัง
“ทำเพื่อตัวเองอยู่เพียงสิ้นลม คืออยู่แค่ตาย”

คนที่สามารถเกื้อกูลประโยชน์ต่อคนอื่นได้
คนนั้นมีความเสียสละมาก
แต่ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยนะ
เสียสละต่อผู้อื่นแต่ตัวเองก็ทุกข์ เดือดร้อนอยู่ ก็ยังโง่อยู่

ถ้าเกื้อกูลประโยชน์ต่อสังคมหมู่ใหญ่ได้ ก็ยิ่งมีคุณมาก
คนที่มีคุณมากก็ไม่ควรประมาทท่านเหล่านั้น
คนที่สามารถทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เป็นผู้มีคุณ


ขนาดช้าง ขนาดม้า ขนาดโค
เราไปฆ่าสัตว์ที่มีคุณ ก็บาปหนักกว่าทั่วไป
โดยเฉพาะคนที่มีคุณต่อชีวิตเรา มีใครบ้าง
มีบิดามารดา มีครูบาอาจารย์ ไม่ควรประมาทนะคุณ
“ คุ ณ ข อ ง ค น ”

“ความกตัญญูจะทำให้เราเห็นคุณค่า
ของความเป็นคนของตน”


เรียนรู้ให้เห็นความจริงนั่นเอง

#พระอาจารย์ตะวัน #พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

หรือ รับฟังที่ Spotify
https://open.spotify.com/episode/1BpJFhxQM4gUvGtVVN4Qhg

พระอาจารย์ตะวัน

สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

พระอาจารย์ตะวัน ปัญญาวัฒฑโก ณ สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง จ.ลำปาง ด้วยธรรมที่เรียบง่าย ที่จะทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง อย่างน่าอัศจรรย์

พระอาจารย์ตะวัน

สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

พระอาจารย์ตะวัน ปัญญาวัฒฑโก ณ สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง จ.ลำปาง ด้วยธรรมที่เรียบง่าย ที่จะทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง อย่างน่าอัศจรรย์

พระอาจารย์ตะวัน

สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

พระอาจารย์ตะวัน ปัญญาวัฒฑโก ณ สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง จ.ลำปาง ด้วยธรรมที่เรียบง่าย ที่จะทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง อย่างน่าอัศจรรย์

พระอาจารย์ตะวัน

สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง

พระอาจารย์ตะวัน ปัญญาวัฒฑโก ณ สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง จ.ลำปาง ด้วยธรรมที่เรียบง่าย ที่จะทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง อย่างน่าอัศจรรย์